11 เมษายน 2553

วันมาฆบูชา ต่อ..

หลังจากที่ได้กราบหลวงพ่อแล้ว อ้อ! ลืมบอกไปวันนั้นได้พาลูกสาวไปด้วย "น้องนุช" ตอนนี้ อายุ 16 ปีแล้ว ขณะได้ส่งไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียกับอาที่ Melbourne (2เดือน) ปกติเขาก็เฉยๆกับพิธีกรรมแต่ก็ศรัทธาในพุทธศาสนา และที่ไปด้วยเพราะไปเป็นเพื่อนพ่อ ดูท่าทางเขาก็โอเคดี เล่าต่อ.. จากนั้นก็เข้าไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ พระประธาน(หลวงพ่อโต) พระอรหันตธาตุ พระธาตุของพระอริยสงฆ์หลายองค์ และรูปปั้นหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก พระอาจารย์ของหลวงพ่อสนอง รวมทั้งเทพพยาดาในโบสถ์แก้ว กราบและสวดมนต์เสร็จก็ออกมานั่งบริเวณรอบโบสถ์เพื่อรับศ๊ล ปกติจะรับศีล ณ ลานธรรม แต่อย่างที่บอกไว้คนมาเยอะมากลานธรรมแน่นเลย วันนั้นก็เลยต้องมารับศีลที่โบสถ์ แล้วก็สงบจิตใจด้วยการนั่งสมาธิสักนึ่ง ต่อจากก็เดินไปทีบริเวณซุ้มอาหาร ซึ่งวันนั้นมีผู้ที่มีจิตศรัทธานำอาหารมาถวายพระและเลี้ยงคนที่มาร่วมทำบุญเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังต้องรอคิวกันทุกซุ้มเลย ข้าฯก็เป็นหนึ่งที่เข้าคิวร่วมบุญด้วย เห็นบรรดาเจ้าของซุ้มแต่ละซุ้มแล้วแต่คนละก็เหนื่อยกันเหงื่อหยดตามๆกัน แต่ดูเขามีความสุขกันมากที่ได้ทำเช่นนั้น "เหนื่อยแต่สุข" นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าฯเห็นว่า การใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข คือ การสุขที่"ใจ" หาใช่ที่กายไม่ บางคนร่างกายไม่ปกติหรือปกติแต่มีสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ลำบากยากแค้น แต่เขาก็สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ นั่นเพราะ ใจ เขาสุข ดังที่พระพุทธองค์ทรงดับทุกข์ ด้วยอริยสัจจ์ 4 นั้นคือ การดับทุกข์ที่ใจ (ทุกข์ คือ ความจริงของสิ่งทั้งหลายเป็นทุกข์,สมุทัย คือ สาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ ได้แก่ ความอยากที่ใจ ,นิโรธ คือ การดับทุกข์ ดับความอยากที่ใจ,มรรค คือ วิธีการดับทุกข์ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา)ซึ่งเป็นธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนแก่โลก.ขอเท่านี้ก่อนนะครับ. ขออนุโมทนากับผู้ร่วมบุญทั้งหลาย.สาธุ มีภาพประกอบด้ายล่างขอรับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันมาฆบูชา


โครงการสะสมบุญ